“สวี่เว่ยโจว” หนุ่มตาเศร้ากับเรื่องราวในอัลบั้มแรก

Articles, Interviews, Xu Weizhou“สวี่เว่ยโจว” หนุ่มตาเศร้ากับเรื่องราวในอัลบั้มแรกของเขา

WITH Billboard Thailand5 August 2016


หนุ่มน้อยที่เดินเข้ามาในห้องท่ามกลางการห้อมล้อมของทีมงานหน้าตาดูงัวเงีย แต่เขาก็ยกมือไหว้พร้อมโค้งทันทีที่สบตากัน แม้จะยิ้มไม่ค่อยออก (ทีมงานบอกว่าเขาป่วยและเหนื่อย) แต่ตาโตๆ แฝงแววเศร้าซึ้งที่จ้องมองมาอย่างเป็นมิตรกับความตั้งอกตั้งใจในการตอบคำถามก็ทำให้ฉันเข้าใจว่าทำไม สวี่เว่ยโจว หรือทิมมี่ หนุ่มจากเซี่ยงไฮ้คนนี้ถึงได้เป็นที่กรี๊ดกร๊าด–โดยเฉพาะกับเหล่าแม่ยกที่ประกาศตัวกันชัดเจนเลยว่าเป็น ‘แม่ๆ’–เพราะแววเศร้าๆ หวานๆ ในตาคู่นั้นให้อารมณ์เหมือนเด็กน้อยหลงทางมากกว่าจะเป็นชายหนุ่มอายุ 22 ปี

สำหรับใครที่ยังสงสัยว่าเว่ยโจวคือใคร เขาคือนักแสดง 1 ใน 4 หนุ่มที่ดังระเบิดเถิดเทิงจาก Addiction Web Series ซีรี่ส์รักใสๆ ของเหล่าวัยรุ่น ไม่ใช่แค่ในประเทศจีนบ้านเกิด แต่ฮอตฮิตไปทั่วเอเชีย ในบ้านเราก็ดังระดับทอล์กออฟเดอะทาวน์ ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ก็หลายรอบ จนสีหนุ่มเดินทางมาจัดแฟนมีตติ้งไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน

แต่วันนี้เว่ยโจวกลับมาเยือนเมืองไทยคนเดียวในฐานะนักร้อง/ นักดนตรี กับคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรก First Light Asia Tour 2016 in Bangkok ถ้าคุณยังไม่รู้ นอกจากการเป็นนักแสดง เขายังเป็นนักเต้น นักร้อง นักดนตรี เคยเป็นมือกีตาร์ในวงชื่อ PROME เคยเรียนเต้นละตินสมัยเด็ก ตั้งใจมั่นกับการร้องเพลงทำเพลงตั้งแต่เรียนมัธยมฯ และอัลบั้มแรกที่ชื่อ Light นี้ เขาก็ทำเพลงเองด้วย


คุณสนใจดนตรีและการแสดงตั้งแต่ตอนไหน

ตั้งแต่ผมอายุ 12 ปีได้ครับ ตอนนั้นเริ่มฟังเพลงและดูละครดูหนังมาพร้อมๆ กัน จะให้บอกว่าชอบอะไรก่อนหรือมากกว่าก็บอกไม่ถูก มันมาคู่กันน่ะครับ จนช่วงเรียนมัธยมปลาย รู้สึกว่าอยากเล่นดนตรี อยากร้องเพลง อยากทำเพลงของตัวเอง ก็เลยตั้งใจเรื่องร้องเพลงเล่นดนตรีจริงจัง

ได้ยินว่าชอบเพลงแนวร็อคหรือเดธเมทัล

ใช่ครับ ฟังแล้วคึกคัก ให้พลังงาน ทำให้ตื่นเต้น แล้วมันมีความเท่ด้วย! (ยิ้ม)

มีนักร้องคนโปรดไหม

เจย์ โจว ครับ ผมชอบเจย์มาก มากถึงขั้นมองเขาเป็นไอดอล อยากเป็นให้ได้อย่างที่เขาเป็น ผมชอบที่เขามีความสามารถหลากหลาย ทำเพลงได้หลายแบบ เล่นดนตรีได้หลายอย่าง แล้วยังมีไอเดียในการทำงานที่แปลกใหม่อยู่เสมอ ความฝันของผมก็คือเป็นให้ได้ทำให้ได้อย่างเขา

ช่วยเล่าถึงการทำงานในอัลบั้ม Light ให้ฟังหน่อย

Light เป็นอัลบั้มแรกของผม แต่ในส่วนของเพลงในอัลบั้มนั้นผมแต่งไว้นานมากแล้ว ตั้งแต่หลายปีก่อนโน่น พอตกลงใจว่าจะทำอัลบั้มแน่ๆ ถึงได้เลือกเพลงมา จบเรื่องเพลงแล้วก็เข้าสู่กระบวนการทำงานในการออกอัลบั้ม คิดคอนเซ็ปต์ ธีม เสื้อผ้าหน้าผม ถ่ายปก ซึ่งมีเวลาทำทั้งหมดนี้ 1 เดือนครับ (หัวเราะ) ทุกอย่างต้องเสร็จภายในเวลาสั้นแค่นี้ แต่มีอะไรต้องทำมากมาย เป็นการทำงานที่เร่งรีบมาก โชคดที่ผมมีทีมงานที่ยอดเยี่ยมคอยช่วยเหลือ

เพลงไหนที่อธิบายความเป็นคุณได้มากที่สุด

Light ครับ ถึงแม้ผมจะทำเองทุกเพลง แต่เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมทุ่มเทและใช้เวลาในการแต่งมากที่สุด อยากรู้ว่าเป็นยังไงก็ต้องลองฟังกันนะ!

แรงบันดาลใจในการแต่งเพลงของคุณคืออะไร

จากเรื่องราวที่พบเจอ ประสบการณ์จริง สิ่งที่เห็นและรู้สึก ผมเก็บเกี่ยวสิ่งที่ตัวเองเจอมาใช้ในการแต่งเพลง

ก่อนออกอัลบั้มคิดอะไรไว้บ้าง แล้วหลังออกอัลบั้มรู้สึกอย่างไร

ผมไม่ได้คิดหรือตั้งความหวังอะไรมากหรอก จริงๆ ก็แค่อยากเอาเพลงที่ตัวเองทำออกมาให้คนอื่นๆ ได้ฟังเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดไปถึงเรื่องยอดขายหรือความฮิต แต่หลังจากออกอัลบั้มมาแล้วได้ฟีดแบ็คที่ดีมาก ได้มีคอนเสิร์ตเดี่ยวของตัวเอง ได้มาเล่นที่เมืองไทยด้วย ดีใจมากครับ


อะไรคือแสงสว่าง (Light) ในชีวิตคุณ

(ตอบเร็วมาก) แฟนๆ ครับ ความรัก การสนับสนุนของแฟนๆ นี่แหละแสงสว่างและพลังใจของผม!

เสน่ห์ของดนตรีและการแสดงสำหรับคุณล่ะ

ดนตรีคือการปลดปล่อยตัวเอง นำความเป็นตัวเองออกมาให้คนฟังได้เห็นและสัมผัส ส่วนการแสดงคือการที่เราได้สวมบทเป็นคนอื่นที่เราไม่สามารถเป็นได้ในชีวิตจริง

คิดว่าตัวเองมีความเป็นอะไรมากกว่ากันระหว่างนักร้อง/ นักดนตรีกับนักแสดง

เป็นทั้ง 2 อย่างครับ อย่างที่บอกว่าผมเริ่มชอบทั้งดนตรีและการแสดงมาพร้อมๆ กัน แล้วโดยส่วนตัวก็อยากทำงานหลากหลาย อยากทำให้ได้ทุกอย่าง

ตั้งเป้าหมายทั้งด้านการเป็นนักร้องและนักแสดงไว้ไหม

ในฐานะนักร้องนักดนตรี ก่อนนี้ผมคิดแค่ขอให้ได้ออกอัลบั้มของตัวเอง ได้นำเพลงที่ตัวเองทำเองออกมาให้คนได้ฟัง ได้มีคอนเสิร์ตของตัวเอง เพื่อจะได้ขึ้นเวทีร้องเพลงให้คนอื่นฟัง ตอนนี้ก็ได้ทำแล้ว แต่ผมรู้สึกว่าตัวเองยังมีข้อบกพร่อง ยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้และพัฒนาอีกเยอะ ฉะนั้น นี่แหละคือเป้าหมาย คือการเป็นนักร้องนักดนตรีที่ดียิ่งๆ ขึ้นไป ในฐานะนักแสดงก็เหมือนกันครับ ผมก็ตั้งใจอยากเป็นนักแสดงที่ดียิ่งขึ้น เล่นได้ทุกบทบาท

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมรู้สึกว่าเป็นช่วงของเรียนรู้ ช่วงเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อนำมาพัฒนาตัวเอง


เดินทางหลายประเทศแบบนี้ มีเรื่องอะไรที่จำไม่ลืมมาเล่าให้ฟังบ้างหรือเปล่า

ตอนไปเล่นคอนเสิร์ตที่เกาหลี เราไปถึงสนามบินแล้วแต่กระเป๋าไม่มา เป็นกระเป๋าที่มีเสื้อผ้าที่ต้องใช้ในการแสดงทั้งหมดอยู่ในนั้น เครียดกันมาก จะทำยังไงดี (แต่เล่าด้วยเสียงหัวเราะ…) จนวันรุ่งขึ้นถึงเจอ กระเป๋ามันก็อยู่ที่สนามบินนั่นละครับ แต่ไม่ได้ติดป้ายว่าเป็นของใคร มากับเที่ยวบินไหน โชคดีมากๆ เลยที่ไม่หลงไปที่อื่น

เคยคิดเล่นๆ ไหมว่าถ้าไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิง ตอนนี้คุณจะทำอะไรอยู่

คงเป็นนักเรียนมั้งครับ เป็นนักเรียนที่ชอบเรียนวิชาประวัติศาสตร์!

ในสายตาแฟนๆ คุณเป็นหนุ่มน่ารักขี้เล่น ตัวจริงเป็นแบบนั้นไหม

จริงๆ แล้วผมเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวนะ เป็นคนที่ค่อนข้างเงียบ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยคุย ชอบคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยคนเดียว

มาเมืองไทยคราวนี้ มีอะไรที่อยากได้กลับไปที่จีนบ้าง

ผมอยากได้ความรักของแฟนๆ ที่นี่กลับไปครับ (ยิ้ม)

สิ่งที่อยากบอกแฟนๆ ชาวไทยแต่ยังไม่ได้บอก

แฟนชาวไทยน่ารักจัง! (ภาษาไทย พูดด้วยเสียงเบาๆ เขินๆ แต่ชัดมาก)

ความแตกต่างของแฟนไทยกับแฟนชาติอื่นล่ะ

แฟนๆ ชาวไทยสุภาพ เรียบร้อย เชื่อฟังกว่าแฟนๆ ที่อื่น ไม่ใช่แค่สุภาพกับผมนะ แต่รวมไปถึงทีมงานและการ์ดด้วย บอกอะไรก็จะทำตาม น่ารักมากครับ

ทำไมเราจึงควรฟังอัลบั้ม Light

เพราะว่ามันเป็นอัลบั้มที่ผมตั้งใจทำจริงๆ ผมรู้ว่ามันยังมีข้อบกพร่องเยอะ ยังต้องพัฒนาอีกมาก แต่ก็เป็นสิ่งที่ผมตั้งใจทำและอยากให้ทุกคนได้ลองฟังกัน

 

Story by: Srivigar S.
Photos by: Pisut S.


评论

© 影日kagehina | Powered by LOFTER